Bem

   

รายได้จะหายไปมากเเค่ไหน  

BEM รายได้หลักมาจาก 3 ส่วนหลักๆคือ 1)จากทางด่วน  2)รถไฟฟ้าใต้ดิน 3)ค่าโฆษณา

ซึ่งมีสัดส่วน 60 % 30 % 5 % เเละอื่นๆ อีกประมาณ 5%  

บล.โนมูระ พัฒนสิน ได้ปรับคำแนะนำในหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นซื้อ จากเดิมแนะนำซื้อเก็งกำไร และคงราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ที่ 11.10 บาทต่อหุ้น แม้มองว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะหดตัวลงแรง แต่เป็นโอกาสเข้าลงทุน เพราะคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะเป็นจุดต่ำสุด และไตรมาส 3/63 จะกลับมาฟื้นตัวแรง ตามปริมาณการใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้า หลังภาครัฐผ่อนคลายล็อคดาวน์

นอกจากนี้ BEM ยังมีโอกาสได้งานเดินรถไฟฟ้าเพิ่มจากการเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-มีนบุรี) ซึ่งเป็น upside risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ

ฝ่ายวิจัยบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินคว่ากำไรไตรมาส 3/63 ของ BEM จะกลับมาฟื้นตัวแรงตามปริมาณการใทางด่วน และรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น  ซึ่ง ณ วันที่ 3 ก.ค.อยู่ที่ 1.27 ล้านเที่ยว และ 0.31 ล้านเที่ยวคน ตามลำดับ ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในเดือน ก.ค.2562  ซึ่งดีกว่าคาด และประเมินว่า BEM จะมีกำไรไตรมาส 3/63 ที่ 1,147 ล้านบาท

เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากปริมาณการใช้ทางด่วน และรถไฟฟ้าเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และได้ประโยชน์ค่าสัมปทานทางด่วนลดลง 

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/63 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 63 ล้านบาท ลดลง 98% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 88% จากไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ปริมาณการใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าลดลง และปีก่อนมีกำไรพิเศษจากการขายและเปลี่ยนสถานะเงินทุนในบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ราว 3,515 ล้านบาท 

ราคาหุ้น BEM เคลื่อนไหวอยู่ที่ 9.40 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.53% มีมูลค่าการซื้อขาย 58.51 ล้านบาท